ยาฆ่าอสุจิ (Spermicide) คือ การคุมกำเนิดแบบชั่วคราววิธีหนึ่ง โดยเป็นการใส่ยาเข้าไปในช่องคลอดก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ตัวยาทำลายหรือฆ่าเชื้ออสุจิหลังจากการมีเพศสัมพันธ์และมีการหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอด ตัวยาจะทำให้เชื้ออสุจิที่อยู่ในช่องคลอดตาย ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่มดลูกไปผสมกับไข่ได้ เมื่อไม่มีการผสมกับไข่ จึงไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ ซึ่งยาฆ่าเชื้ออสุจิที่นำมาใช้กันในปัจจุบันก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น ยาเหน็บช่องคลอด ยาเม็ดฟองฟู่ ฟองอัดในกระป๋อง ครีม เยลลี่ เป็นต้น
ข้อดีของยาฆ่าเชื้ออสุจิ
- เป็นยาที่ใช้ได้ง่าย สามารถใช้ได้ด้วยตนเองหรือคู่นอน ไม่ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรทางการแพทย์
- มีราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์
- ยานี้มีความปลอดภัยสูง โอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนมีน้อย
- ไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนเหมือนการคุมกำเนิดแบบอื่น
- เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ไม่ได้พบกันบ่อย เพราะจะใช้เฉพาะเวลาร่วมเพศเท่านั้น
- สามารถใช้ได้ในสตรีที่กำลังเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
ข้อเสียของยาฆ่าเชื้ออสุจิ
- ประสิทธิภาพในด้านการคุมกำเนิดยังไม่สูงนัก จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากถ้าใส่ยาเข้าไปไม่ลึกพอ หรือยายังไม่กระจายตัวดีพอ หรือใช้ยาไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้จะใส่ยาไว้รอก็ไม่ได้ จะต้องใส่ยาในช่วงเวลาที่จำกัดเท่านั้น (10-15 นาที) ซึ่งอาจทำให้ขัดต่อความรู้สึกและอารมณ์ของทั้งคู่ได้
- เนื่องจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้มีความเสี่ยงสูง การป้องกันการตั้งครรภ์จึงต้องใช้ร่วมกับวิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นเสมอ
- ในบางคู่จะไม่นิยมใช้วิธีคุมกำเนิดรูปแบบนี้กันมากนัก เพราะยาที่ใส่เข้าไปอาจทำให้รู้สึกเหนียว แฉะ เปื้อน หรือมีการหล่อลื่นในช่องคลอดมากเกินไป จนก่อให้เกิดความรำคาญได้
- ต้องใช้ทุกครั้งเมื่อจะมีเพศสัมพันธ์ และต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ยาฆ่าเชื้ออสุจิทุกครั้ง เช่น หลอดฉีดโฟม หลอดฉีดของเหลวเข้าไปในช่องคลอด เป็นต้น
- ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- ในรายที่แพ้ยา อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง บวมแดง หรือแสบได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น